[Short fic : Kuroko No Basuke] Once in a summer :: NijiAka

 

…ผมยังจำวันนั้นได้ดี

 

คืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีจากงานเทศกาล คืนที่สีสันของดอกไม้ไฟแต่งแต้มอยู่ท้องฟ้าสีดำของยามราตรี และคืนที่ดอกไม้ไฟนั้นถูกจุดขึ้นและดับลงไปพร้อมๆกับความทรงจำอันล้ำค่าที่สุดของผม ที่จบลงอย่างรวดเร็วในคืนฤดูร้อน แต่น่าแปลกที่ผมกลับจำมันได้ทุกวินาที

 

คืนฤดูร้อนของเด็กชายชั้นประถมปีที่สามอย่างผม ไม่มีอะไรน่าสนุกเท่ากับงานเทศกาลอีกแล้ว มีขนมอร่อยๆให้กินมากมาย มีเกมสนุกๆให้เล่น การได้เห็นผู้คนสวมชุดยูกาตะเดินไปทั่วงาน และที่สำคัญ ดอกไม้ไฟที่จะถูกจุดขึ้นเมื่องานเทศกาลสิ้นสุด

 

ตอนนั้นผมกับไปงานเทศกาลกับเพื่อนๆที่อยู่แถวบ้าน แม้จะไม่ได้ใส่ชุดยูกาตะ แต่พวกเราก็ตระเวนไปทั่วงานเพื่อแข่งกันว่าใครจะเล่นเกมของแต่ละซุ้มให้ชนะได้มากที่สุด สุดท้ายเราก็ล้มการแข่งแบบเด็กๆนั้นลง ก่อนจะไปหาซื้อขนมในงานมานั่งกินกันเพื่อรอดูดอกไม้ไฟ

 

แต่ในขณะที่ผมกำลังเดินฝ่าฝูงชนในงาน เพื่อนำขนมสายไหมสีชมพูรูปร่างคล้ายก้อนเมฆกลับไปหาพวกเพื่อนผมก็เห็นบางสิ่งที่เด่นชัดกลางหมู่คน …ชายเสื้อของชุดยูกาตะสีแดงเข้มที่สั่นไหวอยู่ตรงนั้น เมื่อเพ่งมองดีๆ กลับเป็นแผ่นหลังเล็กๆของเด็กผู้ชายผมสีแดง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเด็กหลงทาง การกระทำไวกว่าความคิดเมื่อผมก้าวตรงไปหาเด็กคนนั้น

 

“หลงทางเหรอ”

 

ผมเอ่ยขึ้นและจับไหล่ของเด็กชายเอาไว้ ส่วนสูงที่ต่างกันทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้อายุน้อยกว่าผม ร่างเล็กๆนั้นหันหน้ามาหาผม แก้มขาวดูนุ่มนิ่มที่เป็นสีแดงเรื่อ ตากลมใสสีเดียวกับเว้นผมคลอไปด้วยน้ำตา มือเล็กๆพยายามขยี้ตาเหมือนจะปลอบตัวเองให้หายกลัว

 

…น่ารัก

 

นั่นเป็นความคิดแรกของเด็กชายชั้นประถมปีที่สามอย่างผมคิด เด็กคนนั้นพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับ ผมจับมือเล็กๆนั้นโดยไม่ทันได้คิด แล้วจูงให้เดินตามหลังออกไปจากกลางทางเดินที่มีผู้คนเบียดเสียด ก่อนจะมาหยุดยืนหน้าร้านแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลที่คนเริ่มน้อย

 

“เดี๋ยวช่วยตามหาพ่อกับแม่นายแล้วกัน ตรงนี้คนไม่ค่อยเยอะ พักเหนื่อยก่อนก็ได้นะ”

 

ผมเอ่ยกับเด็กชายตัวเล็ก ในขณะที่ผมเริ่มลงมือกินสายไหมในมือก่อนที่มันจะละลาย ไม่นานก็พบกับตากลมๆที่กำลังเหลือบมองมาที่ผมด้วยท่าทางกลัวๆกล้าๆ

 

“แยกกับพ่อแม่ที่ไหน จำได้หรือเปล่า”

“…ที่ต้นไม้ต้นใหญ่ๆ”

 

เสียงเล็กๆตอบกลับมาเบาๆ ผมนึกในใจ น่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่หน้าทางเข้าศาลเจ้าซึ่งเป็นทางเข้างาน แต่กว่าจะฝ่าไปถึงตรงนั้นอาจจะพลัดหลงกันอีกรอบ ผมคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดออกมา

 

“เดี๋ยวค่อยไปแล้วกัน ดอกไม้ไฟจะเริ่มแล้ว ฉันมีที่ดูดอกไม้ไฟดีๆด้วย ไปกันเถอะ!”

 

ผมลืมเพื่อนๆที่มาด้วยกันไปชั่วขณะ เมื่อนึกถึงความตื่นเต้นที่จะไปดูที่ดอกไฟที่เนินเขาเตี้ยๆที่อยู่ถัดไปจากตรงนี้ ที่ๆผมยังไม่เคยพาใครไปแม้แต่เพื่อนผม เป็นสถานที่ๆผมเก็บไว้เป็นฐานลับของผมเพียงคนเดียว

 

ผมเดินนำไป ใจจดจ่ออยู่แต่กับดอกไม้ไฟและฐานลับของผม ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงเบาๆที่ชายเสื้อ

 

“รอด้วย…”

 

เด็กน้อยดึงชายเสื้อของผมเอาไว้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลัวๆกล้าๆเช่นเดียวกับอารมณืที่อยู่บนสีหน้า ผมยืนมื่อไปตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้น

 

“จูงมือไหมล่ะ จะได้ตามทัน”

“อื้ม”

 

เด็กชายพยักหน้าเบาๆแล้วยิ้ม …สาบานได้ว่าเด็กประถมอย่างผมไม่ได้คิดอะไร แต่ ณ วินาทีนั้น ผมกลับรู้ทันทีว่าผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมือเล็กๆเอื้อมมาจับมือผม

 

ใช้เวลาไม่นานนัก พวกเราก็เดินกันมาจนถึงเนินเตี้ยๆ มีหญ้าสั้นๆอ่อนนุ่มขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ นั่งลงกับพื้นหญ้านั้น ก่อนจะเริ่มพูดคุยเหมือนสนิทกันมานาน

 

“ที่นี่เป็นฐานลับของฉัน เอาไว้เก็บกันดั้มที่ฉันสร้างเอง ถ้าศัตรจากนอกโลกบุกเมื่อไหร่ ฉันจะขับกันดั้มไปถล่มมันเอง”

“เท่มากเลยครับ”

“ใช่ม้า เท่สุดยอด!! นิจิมุระ ชูโซคนนี้แหละจะปกป้องมนุษย์โลกเอง!”

“คุณนิจิมุระ…”

 

ผมพูดไปตามประสาเด็กผู้ชายผู้คลั่งไคล้หุ่นยนต์ แต่ตากลมโตคู่นั้นของเด็กน้อยมองที่ผมด้วยความชื่นชม ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันน่ารักจนต้องยกมือขึ้นไปหยิกแก้มกลมๆนั่น

 

“จะ เจ็บนะครับ คุณนิจิมุระ”

 

เด็กน้อยพูดขึ้นเบาๆพลางทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่รู้ทำไมใบหน้าแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะปกป้องเด็กน้อยคนนี้มากเสียเหลือเกิน

 

คุยกันไม่นาน พวกเราก็เอนหลังนอนหงายลงบนพื้นหญ้า มองท้องฟ้าสีดำที่เงียบสงบ หมู่ดาวมากมายประดับเต็มท้องฟ้าเหมือนหยดสีบนภาพวาด สวยมากจริงๆ

 

“สวยจังครับ”

“แน่นอน ฐานลับของฉันดูดาวได้สวยที่สุด แน่นอนว่าดอกไม้ไฟก็ด้วย”

“ผมอยากมาที่นี่ทุกวันจัง”

 

เด็กชายตัวเล็กพูด ผมแอบเหลือบมอง ใบหน้าเล็กๆเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ตาสีแดงสวยสะท้อนให้เห็นดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน จังหวะเดียวกับที่ความคิดสั่งให้ผมเอ่ยถามออกไปก่อนที่จะไม่มีโอกาส

 

“นายชื่ออะไร”

“อาคาชิ เซย์จูโร่ครับ”

 

เด็กน้อยพูดขึ้นพร้อมดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นบนท้องฟ้า ผมเห็นเพียงปากเล็กๆที่เอ่ยชื่อของตัวเองออกมา กับเสียงของดอกไม้ไฟที่ดังกลบชื่อนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ยิน แต่ภาพใบหน้าที่ผมคิดว่าน่ารักที่สุดที่ชีวิตนี้เคยเห็น ถูกอาบไล้ไปด้วยแสงจากดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผม จวบจนถึงทุกวันนี้ อาจจะน่าอายสักนิดถ้าผมจะพูดว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นรักครั้งแรกของผมก็ว่าได้

 

แน่นอนว่าหลังจากนั้น ผมกลับมาส่งเด็กน้อยโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ ไม่รู้อะไรสั่งให้คำพูดไม่ไปตามที่สมองสั่ง ผมของแผ่นหลังเล็กๆที่เดินจูงมือพ่อแม่เดินหายลับไปพร้อมกับความมืดของค่ำคืนฤดูร้อนที่มืดมิดไปถนัดตาเมื่อดอกไม้ไฟทั้งหมดจางหายไป …ราวกับจะบอกว่าผมคงไม่มีวันได้เจอเขาอีก

 

 

ผมเงยหน้ามองฟ้า เป็นอีกปีที่ความทรงจำของเมื่อหลายปีก่อนหลั่งไหลมาพร้อมกับดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มบนท้องฟ้า และจบลงเมื่อแสงของมันจายหายไปพร้อมๆกับการรอคอยสิ่งที่ไม่มีวันหวนคืนมา ผมยังคงจ้องมองท้องฟ้าดำมืดปราศจากทั้งดอกไม้ไฟและดาวต่อไปอีก

สิบปีแล้วที่ผมเฝ้ารออยู่ที่เดิม ผมย้อนกลับมาที่ฐานลับของผมในวัยเด็กทุกๆครั้งที่มีงานเทศกาลฤดูร้อน แม้จะย้ายบ้านไปไกลมาก แต่ผมก็กลับมาทุกปี หวังว่าจะเจอเด็กชายตัวเล็กคนนั้น ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้หน้าตาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ผมยิ้มออกมากับความบ้าบอของตัวเอง ก่อนจะเตรียมหันหลังกลับบ้านเหมือนทุกปี แต่เสียงฝีเท้าที่เหยียบพื้นหญ้าก็ดังขึ้นมาจากอีกทางจนทำให้ต้องเผลอเหลียวมอง ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่อีกฝั่งหนึ่งของเนินเขาเตี้ยๆนี้มีผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้ผมอยู่ ความมืดทำให้มองอะไรไม่ถนัด แต่ถึงอย่างนั้นแผ่นหลังนั้นก็ทำให้นึกถึงแผ่นหลังของเด็กชายตัวเล็กๆในความทรงจำ

…อาจจะเป็นคนแถวนี้มาดูดอกไม้ไฟก็ได้
แต่เมื่อผมเตรียมจะทำตามความคิดที่ก่อตัวขึ้น คนๆนั้นก็หันมา พร้อมพูดประโยคที่ผมไม่คาดฝัน และไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอเหตุการณ์อย่างนี้ รู้สึกเหมือนจู่ๆก็มองเห็นทั้งใบหน้านั้น ดวงตาสีแดงและเส้นผมสีเดียวกันขึ้นมาได้อย่างชัดเจน

“นั่นคุณนิจิมุระหรือเปล่าครับ?”

 

_______________________________

 

ฟิคคุโรบาสเรื่องแรกที่ได้เผยแพร่ค่ะ 5555 หากผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ

เป็นฟิคที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากเห็นสเตตัสเพื่อนในเฟซบุ้ค

จริงๆแอบชอบคู่นี้อยู่ คือมันมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากค่ะ (ปกติเราเป็นผู้สนับสนุนไฟดำ 555)

ยังไงก็ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ อ้อ ขอโทษที่ต้องตัดจบด้วยค่ะ อยากให้มันได้เป็นฟีลที่อ่านแล้วคิดกันเองว่าจะให้สองคนนี้ลงเอยแบบไหน

ไปจิ้นต่อกันเองนะจ๊ะ ;3