[OS]Secret Admiring [BaekHwi]
(**เป็นฟิคที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบมากค่ะคือแต่งเป็น AU Thaiแต่ยังใช้ชื่อเกาหลีเหมือนเดิมถ้าอ่านแล้วรู้สึกขัดๆต้องขออภัยด้วยนะคะ^^)
“มึง ไปกินข้าวเพชรช็อปกัน”
เด็กหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีอ่อนในชุดนักศึกษาแขนสั้นที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีน้ำเงินเข้ม หันไปเอ่ยกับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลัง ท่ามหลังบรรยากาศวุ่นวายหลังจบคาบเรียน เพื่อนตัวสูงที่กำลังตั้งใจเก็บปากกาสารพัดสีลงกล่องดินสอชะงักมือไปชั่วครู่พร้อมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“เพชรช็อปอีกละ พ่อเป็นหุ้นส่วนร้านข้าวในเพชรช็อปหรือไง จะไปอะไรมันทุกวันวะ”
“เอ้า ก็กูอยากกินเครปเย็นอ่ะ!”
“กูขี้เกียจเดิน ถ่อไปถึงนู่นทุกวันแล้วยังต้องรีบวิ่งกลับมาเรียนบ่ายให้ทันอีก เหนื่อยจะตาย”
ซอนโฮลุกขึ้นยืนพร้อมสะพายกระเป๋าเป้ และพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอย่างแดฮวีเริ่มงอแง ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนชอบขัดใจเพื่อนสักเท่าไร แต่การที่โดนบังคับให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารที่อยู่ห่างไกลกันเป็นโยชน์อยู่ทุกวันมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน ยิ่งวันไหนที่มีคาบเรียนช่วงบ่ายเขาต้องรีบวิงกลับมาที่ตึกอักษรฯให้ทันคาบเรียนอยู่ทุกครั้งไป
“มึงอ่ะ ไปเหอะนะ น้าๆๆๆ”
คนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นเขย่าแขนเพื่อนพร้อมน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ไปทุกวันแล้วนี่ไง วันนี้ขอกูกินยูเนี่ยนสักวันเถอะ…”
“เฮ้ย เซคหนึ่ง กินข้าวกัน!”
เสียงร่าเริงดังมาจากประตูห้องเรียนพร้อมๆกับเจ้าของเสียงที่เดินเข้ามาในห้อง เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครก็ทำให้ซอนโฮถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และตรงเข้าไปขอความช่วยเหลือทันที
“เฮ้ออออ มึงมาได้จังหวะพอดี หลิน แซม มึงไปกินข้าวเพชรช็อปกับไอ้ฮวีมันที กูมีเรียนบ่ายขี้เกียจเดิน”
“อีกแล้วเหรอวะ”
ซามูเอลเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดของเพื่อน ทั้งๆเรียนอยู่คณะอักษรฯที่ตั้งอยู่เกือบติดประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย แทนที่จะกินข้าวที่โรงอาหารใกล้ๆ อย่างยูเนี่ยนที่อยู่ไม่ไกลจากคณะ กลับหอบร่างเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้คณะวิศวะฯ เดินต่อไปอีกนิดก็ทะลุออกประตูหลังมอ.ซะได้
“เออ กูอยากกินเครปเย็น”
“เดี๋ยวๆ คนเยอะชิบหายกว่าจะหาโต๊ะ ต่อคิวซื้อข้าวก็หมดเวลาแล้วมั้ง มึงจะเอาเวลาที่ไหนไปกินเครปเย็น เรียนบ่ายด้วยไม่ใช่เหรอวะ”
“กูมีวิธีละกัน พวกมึงแค่ไปกับกูก็พอน่า”
ซามูเอลหันไปพูดกับแดฮวี ที่ดูเหมือนจะยังไม่ถอดใจในการหาคนไปกินข้าวด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจเพื่อนไม่ต่างจากไปควานลินและซอนโฮเลย
“เนี่ยพวกมึง เห็นความดื้อของมันยัง กูล่ะเหนื่อย นี่เทอมนี้มันลากกูไปกินเกือบทุกวัน เอะอะก็เครปเย็น คนปกติที่ไหนมันจะเสพติดเครปเย็นขนาดนี้ ไปส่องเด็กวิศวะก็บอก ทำมาเป็นอ้างของแดก…”
ซอนโฮระบายความในใจออกมายาวยืด แต่ประโยคท้ายที่พูดออกมากลับทำให้เพื่อนตัวเล็กกว่ามีสีหน้าที่แปลกไป
“ส่องห่าอะไร บอกว่าเครปเย็นก็เครปเย็นดิ เด็กวิศวะอะไรของมึงวะ อย่ามั่ว”
แดฮวีปฏิเสธเสียงแข็ง แต่สีหน้าท่าทางดูร้อนรนชอบกล เหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ แน่นอนว่าอาการเหล่าไม่มีทางหลุดพ้นไปจากสายตาของเพื่อนทั้งสามคนได้
“มึงกำลังปิดอะไรพวกกูอยู่?”
“ไม่มี๊”
“เสียงสูงแตะเพดานแล้ว มึงร้อนตัวกับคีย์เวิร์ดเด็กวิศวะของกู!”
สายตากดดันทั้งสามคู่จ้องมองมาราวกับกำลังคาดคั้นเอาความจริง ทำเอาคนอยากกินเครปเย็นเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะหาอะไรมาปฏิเสธสิ่งที่เพื่อนพูดดี
ตริ๊ง!
เสียงข้อความจากโปรแกรมไลน์ดังขึ้น คนมือไวที่สุดอย่างควานลินรีบคว้าโทรศัพท์ในมือแดฮวีมาดูอย่างรวดเร็ว โดยที่เจ้าของยังไม่ทันจะตั้งตัว แม้จะปลดล็อคโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ก็ยังได้เห็นข้อความที่แจ้งเตือนขึ้นมาพร้อมกับรูปโปรไฟล์เป็นผู้ชายใส่เสื้อสีดำที่ไม่คุ้นหน้า
realDH: เที่ยงแล้วอย่าลืมหาอะไรกินนะเด็กอักษร
realDH: วันนี้จะมาเพชรป่ะจะได้ดักรอ 555
ควานลินอ่านออกเสียงให้ผู้ติดตามเหตุการณ์อีกสองคนได้รับรู้ด้วย ซอนโฮยิ้มออกมาเหมือนกำลังมีแผนอะไรในใจ ส่วนซามูเอลทำสีหน้าประหลาดใจสุดๆ ทำเอาเจ้าของเครื่องต้องรีบแย่งโทรศัพท์คืนมาจากเพื่อนตัวสูง นึกขอบคุณคนคิดค้นไอโฟนให้มีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง
“กูเปลี่ยนใจละ หลิน แซม ไปกินข้าวเพชรช็อปกัน …ป่ะ ไอ้ฮวี อย่าช้า เดี๋ยวมึงจะไม่ทันกินเครปเย็น”
อีแดฮวี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะอักษรศาสตร์ กำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานตรงหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิทอีกสามคนที่กำลังมองไปรอบๆท่ามกลางโต๊ะอาหารรอบข้างที่เต็มไปด้วยนักศึกษาคณะวิศวะฯ ทำเอารู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาทันที
“พวกมึง ไม่กินข้าวกันหรอ”
ฝืนยิ้มพลางเอ่ยปากถามเพื่อน พยายามไม่แสดงอาการผิดปกติให้เพื่อนรู้ …เพราะคนที่ตัวเองรวมถึงเพื่อนๆกำลังมองหาอยู่นั้น นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่โต๊ะ
“มึงควรถามตัวเองมากกว่านะฮวี เขี่ยมาสิบนาทีแล้ว”
ควานลินเอ่ยขึ้น เขามองอาหารในจานของเพื่อนที่ลดลงไปแค่ครึ่งเดียว กลับกันกับคนที่กำลังใส่ใจเรื่องเพื่อนอย่างเขาที่กินหมดจานเรียบร้อยแล้ว ดูท่าคงกำลังคิดหนักถึงขนาดกินข้าวไม่ลงกันเลยทีเดียว
“หลินๆ มึงดูดิ๊ คนนั้นป่ะวะ”
ซอนโฮสะกิดเรียก ก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปสามสี่โต๊ะได้ แดฮวีแอบเหลือบมองตามที่เพื่อนชี้ รู้สึกคล้ายจะเป็นลมเมื่อพบว่าตรงกับคนที่เขามองอยู่ แผ่นหลังกว้างในเสื้อช็อปสีน้ำเงินกรมท่า ผมสีดำตัดสั้นที่เหมือนไม่ได้เซ็ต กำลังหันไปพูดอะไรกับเพื่อนข้างๆพร้อมรอยยิ้มกว้างๆจนตาปิด นั่นแหละ ใช่เลย คนที่ทำให้เขาเป็นบ้าเป็นบอยอมเหนื่อยเดินไปกลับคณะมานั่งส่องได้เป็นเดือนๆ
“ชัดเลย คนนี้แหละ”
“รุ่นพี่เหรอวะ แต่แม่งหน้าตาดีทั้งโต๊ะเลยว่ะ”
ซามูเอลถาม ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งสามคนหันไปมองโต๊ะนั้นกันหมด ดูมีพิรุธเป็นอย่างมากจนถ้ามีใครสักคนในโต๊ะนั้นหันมาต้องรู้แน่ๆว่าพวกเขากำลังมองอยู่
“มึงจะมองอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวพี่เขาก็รู้หรอก!”
เสียงของแดฮวีดึงความสนใจของเพื่อนๆผู้ใฝ่รู้ให้กลับมาที่เขา
“อ้าว ทำไมวะ ก็รู้จักกันอยู่แล้วนี่”
“ใช่ รู้จัก แต่ไม่เคยเจอกัน”
“ห๊ะ?”
“โอ๊ยแม่ง กูรำคาญ เล่าให้ฟังก็ได้วะ!”
เอ่ยออกมาอย่างเหลืออด ไหนๆเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว คงเปล่าประโยชน์ที่จะปิดบังอะไรเพื่อนอีก
“คืองี้ พวกมึงจำตอนปี 1 ได้ป่ะ ที่กูเริ่มเล่น ROVแล้วพวกมึงไม่ยอมเล่นด้วยอ่ะทีนี้กูไปเจอกรุ๊ปไลน์ROVของม.เราก็เลยเข้ากรุ๊ปด้วย แล้วกูก็เจอพี่ดงโฮ วิศวะเครื่องกล ตอนนี้ปี3แล้ว คือกูเล่นกากพี่เขาก็เลยช่วยสอนให้พอบ่อยๆเข้ากูกลัวคนในกรุ๊ปรำคาญเลยแอดไลน์แยกพี่เขาไป จริงๆก็คุยกันแต่เรื่องเกม แล้วพอช่วงสอบไฟนอลกูยุ่งเลยห่างROVไป แต่พี่เขาก็ยังทักมาคุยเรื่อยๆ …นั่นแหละ ก็คุยกันมาเรื่อยๆ เกือบปีอ่ะ”
เจ้าของเรื่องหยุดพักนิดหนึ่ง ดูดน้ำในแก้วที่เริ่มละลาย ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ตอนแรกกูก็คิดอยากนัดเจอพี่เขานะ เพราะจากที่คุยเขาก็เป็นพี่ที่ดี จนพอช่วงจะขึ้นปี2 พวกมึงจะว่ากูบ้าก็ได้ แต่กูคิดว่า กูชอบพี่เขาอ่ะ กูไม่กล้าเล่าเพราะมันดูเวิ่นเว้อว่ะ แบบชอบคนจากตัวหนังสือที่เขาพิมพ์ ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริงๆกันเลย”
“แล้วมึงไม่คิดอยากจะเจอหน้ากันจริงๆบ้างเหรอวะ เท่าที่อ่านจากไลน์เหมือนพี่เขาก็อยากเจอมึงอยู่”
ซอนโฮถามขึ้นมาบ้าง เขาเป็นเพื่อนสนิทกับแดฮวีมาตั้งแต่มัธยม นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเพื่อนมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย คงจะลำบากใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นเรื่องคงถึงหูเขาไปนานแล้ว แอบรู้สึกผิดขึ้นมานิดหนึ่งที่ไปเค้นความจริงจากเพื่อนทั้งที่เจ้าตัวไม่เต็มใจจะบอก
“กูทำไม่ได้ว่ะ กูเคยเข้าลิฟท์พร้อมเขาครั้งนึงที่ตึก50 แม่งเหมือนจะเป็นลม มือเย็นไปหมด มันไม่รู้จะพูดยังไง จะทำหน้ายังไงดีทั้งๆที่ตอนนั้นคนมันเบียดกันพี่เขายังไม่เห็นหน้ากูด้วยซ้ำ”
“มึงก็เลยมาส่องเขาทุกวันแทน?”
“กูไม่กล้า แต่กูก็อยากเห็นหน้าพี่เขา ไม่รู้จะทำไงเลยเนียนมาส่องทุกวันจนจะจบปี2เทอม 1 อยู่แล้วเนี่ย”
แดฮวีตอบด้วยสีหน้าหนักใจ แรกๆก็คิดว่าได้เห็นหน้าไกลๆก็พอ แต่ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะหลบหน้าไปได้นานแค่ไหน มีหลายครั้งเหมือนกันที่เขาเจอพี่ดงโฮแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ทุกครั้งก็รีบหนีไปเสียก่อน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขาหรือเปล่า แต่ในเมื่อตอนคุยกันในไลน์ไม่ได้พูดถึงก็เลยคิดไปว่าคงจะไม่ทันได้เห็น
realDH: พี่กินข้าวเสร็จแล้ว สรุปวันนี้ก็ไม่ยอมมาเพชรอีกละดิ?
LeeHwi: ไม่อ่ะพี่ไกล 555
realDH: นี่วันหลังต้องไปดักรอใต้ตึกป่ะถึงจะได้เจอ
LeeHwi: เห้ยอย่าเลย
คือช่วงนี้ผมเรียนหนักอ่ะจะเข้าเอกแล้ว
ไม่ว่างจริงๆ
realDH: ไม่ว่างจริงๆหรือว่ามีคนอื่น5555555
LeeHwi: เพลงไรของพี่วะ555 เกิดไม่ทัน
realDH: อย่ามาแอ๊บร้องได้ก็บอก
ตอบแชทไปยิ้มไป โดยไม่สังเกตเลยว่าเพื่อนทั้งสามคนกำลังจ้องจอโทรศัพท์ดูแชทแบบเรียลไทม์จนตาแทบไม่กระพริบซอนโฮแอบมองบนเมื่อมองเห็นเพื่อนที่กำลังโกหกได้หน้าตาเฉย
“ไอ้ฮวี มึงนี่แหลได้โล่มาก พี่เขายังนั้นอยู่ตรงนั้นมึงยังกล้าบอกว่าไม่ได้มาที่นี่อีก”
“พี่เขาไม่เห็นกูหรอกกกก”
“เดี๋ยวกูเรียกให้”
“มึงไม่ต้องเลย!”
ซามูเอลหัวเราะพลางทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืน ทำเอาเพื่อนตัวเล็กรีบคว้าคอเสื้อให้กลับลงมานั่งแทบไม่ทัน ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของซอนโฮก็ดังขึ้นเสียก่อนกดรับพร้อมพูดโต้ตอบกับปลายสายไม่กี่คำก็วางสายและหันมาพูดกับเพื่อนร่วมชะตากรรมคลาสเรียนช่วงบ่าย
“ฮวี เพื่อนโทรมาบอกว่าจารย์ยกคลาสว่ะ มึงมีเวลากินเครปเย็นละ เชิญ”
“เอ้าจริงดิ เออๆเดี๋ยวกูไปซื้อแปบ”
แดฮวีรีบลุกขึ้นหยิบเงินในกระเป๋าเดินไปทืร้านเครปเย็นลืมไปชั่วขณะว่ามาที่นี่เพื่อมาส่องรุ่นพี่ที่แอบชอบนึกถึงแต่ของหวานที่ตั้งใจจะกิน เมื่อเห็นเพื่อนสนิทไปถึงหน้าร้านแล้ว ทั้งสามคนก็เริ่มเปิดประเด็นทันที
“หลิน มึงคิดไงกับเรื่องนี้”
“ถ้าเอาตามความคิดกู มันหนีพี่เขาไปตลอดไม่ได้หรอก สักวันต้องเจอกันแบบจังๆหนีไม่รอด”
“กูเห็นด้วยกับหลิน เรียนที่เดียวกันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจอกัน ต่อให้มันอ้างเหตุผลกากๆไม่ยอมไปเจอเขา เรียนหนักไรงี้ มันก็ใช่ว่าจะอ้างได้ตลอดป่ะวะ”
“กูก็คิดงั้นนะ มึงคิดว่าเราควรช่วยมันป่ะ”
ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าควรจะทำอะไรสักอย่างกับเพื่อนของพวกเขาที่อาการหนักจนเกินเยียวยา โดยเฉพาะซอนโฮที่อยากให้เพื่อนคุยกับรุ่นพี่ที่แอบชอบได้สักที เขาจะได้ต้องไม่โดนลากมากินข้าวไกลๆอีก เพราะทุกวันนี้การวิ่งกลับไปเรียนให้ทันคาบบ่ายทุกวันก็ทำให้เขาแทบจะผอมอยู่แล้ว
“เชี่ยยยย หลิน ซอนโฮ มึงดู!”
อยู่ๆซามูเอลก็พูดขึ้นมาเสียงดัง จนคนถูกเรียกต้องรีบหันไปมองตาม แล้วก็พบว่ารุ่นพี่คนนั้นลุกจากโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แถมกำลังเดินตรงไปที่แดฮวีที่กำลังยืนหันหลังให้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็กำลังตั้งใจมองพี่คนขายทำเครปอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเอาเสียเลย
“น้อง”
“ครับ?”
เสียงเรียกดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้แดฮวีต้องหันไปมองก่อนจะรู้สึกตัวชาวาบขึ้นมาเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่…ชิบหายแล้วพี่ดงโฮมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“แดฮวีอักษรฯป่ะ”
“ชะ ใช่ครับ”
“เฮ้ยๆ เป็นไร นี่พี่เอง”
ดงโฮยกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้ารุ่นน้องต่างคณะที่จ้องเขาตาค้าง หน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำหน้าตาไม่ต่างอะไรกับเห็นผีจนเขาต้องแอบคิดว่าน้องกำลังกลัวหน้าโหดๆของตัวเองอยู่หรือเปล่า
“คะ ครับ”
“เห็นตั้งแต่เราเดินเข้ามาแล้ว กำลังรอให้มาทักอยู่จนพี่จะขึ้นเรียนแล้วเนี่ย …ว่าแต่เดี๋ยวนี้โกหกหรอ เดี๋ยวจะโดน!”
แต่ละคำพูดที่ออกมาจากปากคนตรงหน้าไม่ได้เข้าหัวแดฮวีเลยแม้แต่นิดเดียว สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของคนที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะเจอกันต่อหน้าแบบหนีไม่ทัน ทั้งคิ้วเข้มๆ ดวงตายิ้มๆคู่นั้น พอมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้มันยิ่งทำให้รู้สึกพูดอะไรไม่ออกไปกันใหญ่
“เป็นไรป่ะเนี่ย เงียบเลย? พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ดงโฮจึงถามซ้ำอีกรอบ เริ่มรู้สึกเสียความมั่นใจนิดๆเมื่อคิดว่าเขาอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกลัวจนไม่ยอมพูดอะไรด้วยทั้งที่ปกติเวลาคุยกันผ่านข้อความแดฮวีคุยเก่งมากบางทีก็รัวแชทจนเขาเองเสียด้วยซ้ำที่เป็นฝ่ายพิมพ์ตอบไม่ทัน
“เปล่าครับ”
“หรือว่าไม่สบาย??”
ไม่พูดเปล่ายกมือขึ้นทาบหน้าผากด้วย หารู้ไม่ว่าความหวังดีของเขานั่นแหละที่ทำให้รุ่นน้องอาการยิ่งหนักกว่าเดิม
“เครปเย็นได้แล้วจ้า”
เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้แดฮวีได้สติขึ้นมา ใช่ เขากำลังซื้อเครปเย็น และตอนนี้เขาต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ มือเล็กรีบยื่นเงินให้คนขายและคว้าถ้วยใส่เครปเย็นมาถือเอาไว้
“ไปก่อนนะครับ”
พูดด้วยรอยยิ้มแบบฝืนๆพลางก้มหัวให้ดงโฮนิดหนึ่งก่อนจะรีบเดินตรงกลับโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้รุ่นพี่ต่างคณะยืนงงอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นเพื่อนเดินตัวแข็งทื่อกลับมาควานลินจึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงแต่แดฮวีกลับพูดขัดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนคนไม่มีแรง
“ฮวีมึงโอเค…”
“กูจะตายแล้วพากูไปส่งที่หอด่วน”
ตริ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความจากแอพไลน์ดังขึ้น ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงฝืนตัวลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู เวลาที่เห็นทำให้รู้ว่าเขาเผลอหลับไปนานพอสมควร หลังจากที่กลับมาถึงห้องและจัดการเอาเครปเย็นตัวปัญหาไปแช่ ก็หลับมายาวมาจนถึงตอนนี้ แดฮวีรีบกดเข้าไปดูข้อความและพบว่ามันมาจากคนที่ทำให้เขาช็อกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
realDH: เงียบเลย
LeeHwi: ผมหลับอ่ะพี่โทดที
realDH: เอาตรงๆไม่อยากคุยกันแล้วป่ะเนี่ย 555
LeeHwi: ไมคิดงั้นอ่า
realDH: บอกมาตามตรงเหอะตัวจริงพี่อาจจะดูน่ากลัว
อันนี้เข้าใจเว้ย
LeeHwi: ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ T T
คืออออมันแบบ
ทำตัวไม่ถูกอ่ะพี่ปกติคุยกันแค่ในนี้
realDH: อ่าว 55555555555555
LeeHwi: พี่ขำอะไรผมไม่ตลกนะ
realDH: ช่างเหอะขำตัวเอง
เออนี่ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องวันนี้
ไมต้องโกหกครับบ
LeeHwi: นั่นแหละกลัวเจอกันแล้วผมจะพูดไรไม่ออก
อย่างวันนี้พี่ก็เห็นแล้วไงว่าอาการเป็นไง
55555
realDH: แดฮวี
LeeHwi: ครับ??
เรียกชื่องี้เดี๋ยวคิดค่าเรียกนะ 555
realDH: แหม่บอกเลยว่าไม่มีเงินจะให้นะครัช
มีแต่ตัวจะเอาป่ะ5555555555
เข้าเรื่องๆจะบอกว่าพี่รู้วิธีแก้นะ
ที่บอกว่าทำตัวไม่ถูกตอนเจอหน้าอ่ะ
LeeHwi: ยังไงอ่ะพี่
ไหนลองบอกมา
realDH: ก็มาเจอกันอีกดิ
ถ้าเจอบ่อยๆจนชินเดี๋ยวก็ทำตัวถูกเอง
LeeHwi: เห้ยยยยยยจะดีหรอ
ถ้าผมเงียบอ่ะ
เดี๋ยวพี่ก็รู้สึกไม่ดีอีก
realDH: ไม่เป็นไรเดี๋ยวชวนคุย 555
วันนี้เลยได้ป่ะ
LeeHwi: ห๊ะอย่ารีบดิพี่
realDH: รีบตรงไหนวะรอมาเป็นปีแล้ว
วันนี้แหละดีแล้ว
LeeHwi: ขอบล็อคสักสามสี่วันได้มั้ย 555555555
realDH: เดี๋ยวนี้เรื่องเยอะนะเรา จะมาไม่มาถ้าไม่จะไปตามถึงหอ
LeeHwi: เชี่ยยยยพี่รู้จักหอผมด้วยหรอพี่รู้ได้ไง
realDH: รู้แล้วกันให้ตอบอีกครั้งจะมาไม่มา
LeeHwi: โอเคไปไปครับไป
พี่อย่าเพิ่งบุกมาหอผมมมมมมมม
realDH: ก็แค่เนี้ยเดี๋ยวสักหกโมงบอกอีกทีว่าเจอที่ไหน
ไปกินข้าวกัน 😉
LeeHwi: เอาที่พี่สบายใจ
แดฮวีแทบจะวิ่งขึ้นไปกรีดร้องบนชั้นดาดฟ้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เคยคิดไว้ว่าแค่ได้แอบไปส่องพี่ดงโฮทุกวันก็พอใจ แต่วันนี้ไม่คิดว่าไปถึงขั้นเจอหน้ากันแถมยังถูกชวนไปกินข้าว เป็นเหตุการณ์เกินจะรับไหวสำหรับคนที่ไม่คาดหวังอะไรอย่างเขาจริงๆ
…แต่เรื่องที่ควรจะหนักใจจริงๆคือ แล้วตอนที่เจอกันเขาควรจะทำยังไงไม่ให้ช็อคเหมือนเมื่อตอนกลางวันเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และกดต่อสายไปหาคนที่น่าจะเป็นที่ปรึกษาให้ได้
“ซอนโฮ กูมีเรื่องจะปรึกษาด่วนๆ คือ… พี่ดงโฮเขาให้กูไปเจอเย็นนี้อ่ะ ทำไงดี ช่วยกูด้วยยยยยยยยย”
……….…..………..….……
“เชี่ยยยยยยย!!!”
“เป็นอะไรของมึง”
เสียงดังๆของดงโฮ ทำให้เพื่อนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ข้างๆหันมามองแรงใส่ มินฮยอนถอนหายใจพลางปิดหนังสือ มั่นใจว่าเพื่อนเขามันต้องมีอะไรมาให้ช่วยอีกแน่ๆ
“น้องเขาตกลงไปกับกูว่ะ กูทำไงดีว่ะมึงงง”
“เอ้า มึงบ้าป่ะ ชวนเองแล้วมาถามกูว่าทำไงเนี่ยนะ”
“กูไม่คิดว่าน้องจะยอมนี่หว่า โอ๊ยยยย ตายแล้ว กูตื่นเต้นนนน”
ส่ายหน้าเบาๆให้กับความกากของเพื่อน น้องแดฮวีจะรู้ไหมว่าความคีพคูลของดงโฮเมื่อตอนกลางวันมันต้องรวบรวมความกล้ามากขนาดไหนกว่าจะยอมเข้าไปทัก ซึ่งจริงๆแล้วมันก็แพนิคไม่ต่างอะไรไปจากน้องเลย …ใช่ และตอนนี้เพื่อนเขาก็กำลังจะเป็นบ้าอีกครั้ง
มินฮยอนมองเพื่อนสนิทที่กำลังวิ่งพล่านรอบห้องพลางถามเขาว่าจะต้องทำอย่างไรอย่างเหนื่อยใจ
…กูขอเป็นกำลังใจให้อยู่ห่างๆแล้วกันนะเพื่อนรัก
____________________________________________________________________________________
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เป็นครั้งแรกที่แต่งฟิคคู่นี้หลังจากที่ลงเรือมา แล้วก็เป็นครั้งแรกที่แต่งฟิคไอดอลเพราะปกติเราเป็นสายอนิเมะค่ะ เพิ่งจะมาอาการหนักเพราะดูโปรดิวซ์ แล้วก็มาตกลงปลงใจลงเรือแบคฮวี ไม่รู้ว่าภาษาที่แต่งจะแปลกๆไปหรือเปล่านะคะ ^^;เป็นฟิคที่เกิดขึ้นชั่ววูบมากจริงๆค่ะ จากโมเมนท์เสี้ยววินาที144P เมื่อวันเสาร์ ดูเหมือนน้องจะคุยกับทุกคนยกเว้นพิจ๋าค่ะ เลยคิดขึ้นมาได้ว่าน้องอาจจะเขิน //โดนตบข้อหามโนเกินความจริง แล้วก็คิดไปไกลจนเลยเถิดมาเป็นฟิคเรื่องนี้ค่ะ
โลเกชั่นของเรื่องเอามาจากมหา’ลัยที่ไรท์จบมาค่ะ ด้วยชื่อสถานที่แล้วถ้าเรียนที่นี่จริงอ่านประโยคแรกก็น่าจะรู้ทันทีค่ะว่าม.ไหน 5555555 เนื่องจากจบมาสักพักแล้ว หากมีดีเทลตรงไหนผิดไปก็ขอโทษด้วยนะคะขอบคุณอีกครั้งนะคะที่กดเข้ามาอ่าน ยังไงก็มาช่วยกันยื้อเรือแบคฮวีกันต่อไปนะคะ ;w;
[[Ps. If you want to follow me on twitter -> @blznoon]]
EDITED :: 23FEB.2018
Recent Comments